โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ทา ได้จัดกิจกรรมตามโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เพื่อเฝ้าระวัง ลาดตะเวน และดับไฟป่าในพื้นที่เสี่ยงภายในตำบลแม่ทา กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของฐานทรัพยากรท้องถิ่น อพ.สธ. ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากจังหวัดเชียงใหม่

โครงการนี้มุ่งหวังให้เกิดการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยได้รับความร่วมมือจากสมาชิกอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลกของ อบต.แม่ทา เพื่อควบคุมสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมดำเนินการระหว่างวันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 พฤษภาคม 2568 ในเขตพื้นที่แนวติดต่อจังหวัดลำปางและลำพูน เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น

ความเป็นมาและความสำคัญของโครงการ

พื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ มักประสบปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ส่งผลให้ค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมโดยรวม

ตำบลแม่ทาเป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงที่มีแนวป่าเชื่อมต่อกับจังหวัดลำพูนและลำปาง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและลดความรุนแรงของสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน

วัตถุประสงค์ของโครงการ

1. เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ตำบลแม่ทา

2. เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก

3. เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

4. เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนในท้องถิ่น

กิจกรรมที่ดำเนินการภายใต้โครงการ

• จัดตั้งชุดเฝ้าระวังและลาดตะเวนในพื้นที่เสี่ยง

• ดำเนินการดับไฟป่าในช่วงเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

• ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับตำบลและจังหวัด

• จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่

• ใช้ข้อมูลจากระบบติดตามคุณภาพอากาศและแผนที่ความเสี่ยงไฟป่าในการวางแผนปฏิบัติงาน

พื้นที่เป้าหมาย

• แนวเขตติดต่อจังหวัดลำพูน

• แนวเขตติดต่อจังหวัดลำปาง

• พื้นที่ป่าชุมชน และเขตเสี่ยงไฟป้าภายในตำบลแม่ทา

การมีส่วนร่วมของชุมชน

โครงการนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) ของ อบต.แม่ทา ที่ร่วมออกลาดตะเวนและเฝ้าระวังตลอดช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดไฟป่าบ่อยที่สุดในแต่ละปี

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

• ลดจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ตำบลแม่ทา

• ลดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย

• สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ทรัพยากร

• สนับสนุนเป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ด้านสิ่งแวดล้อม